การเดินทางเริ่มต้นอีกครั้ง จากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่นิวยอร์คแห่งตะวันออก .. มหานครเซี้ยงไฮ้ ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และดูเหมือนว่าเธอจะมีอะไรให้แปลกใจได้เสมอๆ ผมเดินทางมาที่นี้หลายครั้ง สมัยก่อนเมื่อถึงสนามบินผู่ตง Pudong ที่เซี้ยงไฮ้ก็จะต้องว่าจ้างรถแทกซี่ให้วิ่งเข้าไปในตัวเมืองเสียเงินราว 160 หยวนได้ แต่ว่าล่าสุดผมสามารถนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินจากสนามบินไปยังตัวเมืองได้โดยตรง และเสียเงินค่าตั๋วรถไฟเพียง 8 หยวน หรือราว 40 บาทเองครับ … ทำให้คิดถึงบ้านเราขึ้นมาทันทีว่าทำอย่างไรจะมีอะไรดีๆแบบนี้บ้างนะ อืมม ผมคงต้องฝันและจินตนาการไปก่อน
ภาระกิจของผมไม่ใช่การมาเที่ยวครับแต่เป็นการมาดูงานที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ^^ หลายคนที่ติดตามบทความ โต๋เต๋ โต๋เต๋ คงพอทราบบ้างแล้วว่ามันเป็นงานทางด้านสายลับครับ แน่นอนว่างานแบบนี้เวลาเป็นสิ่งสำคัญและมีค่าไม่น้อย ภาระกิจของผมจะพลาดไม่ได้แม้เสี่ยววินาที ดังนั้นผมจึงต้องทำเวลาสักหน่อย ผมออกจากตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าสัมภาระราว 7.30 น. แล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงที่สถานีรถไฟหงเฉียว Hongqiao ทันที กว่าจะถึงที่นี้ก็ใช้เวลาอีกราว 2 ชม.ทีเดียว เป็นการวิ่งจากต้นสายไปจนเกือบสุดปลายสายเลยครับ กับเงินค่ารถไฟใต้ดิน 8 หยวน นับว่าทางการจีนเขาทำได้ดีมากๆครับ ถ้าเป็นบ้านเราผมว่าคงเสียค่ารถไฟไม่ต่ำกว่า 100 บาทแน่
… เริ่มคิดถึงบ้านเราอีกครั้ง 55+
ที่เซี้ยงไฮ้จะมีสถานีรถไฟอยู่หลายจุดนะครับ หลักๆคือ สายเหนือ สายตะวันตก และสายใต้ สถานีหงเฉียวเป็นสถานีทางด้านตะวันตกครับ เมืองแรกที่ผมกำลังจะไปคือ ซูโจว หรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นเมืองแห่งสาวงามของจีนครับ และอีกที่คือ เมืองอีอู้ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ โดยการเดินทางทั้งสองแห่งผมก็มาขึ้นที่สถานีหงเฉียวครับ เพราะจะมีขบวนรถไฟความเร็วสูงมากที่สุดเรียกว่าเป็นฮับศูนย์กลางของไฮสปีดเทรนเลยก็ว่าได้ ถ้าไปเมืองใหญ่ๆเช่น นานจิง ก็จะมีรถออกทุกๆครึ่งชั่วโมง เมืองรองมาหน่อยก็อาจจะนานหน่อนคือทุก 2 ชั่วโมง ซึ่งก็สามารถเช็คตารางเวลาได้จากเว็บไซต์ครับ ส่วนตัวผมเปิดดูจาก
http://www.travelchinaguide.com/ ครับ หรือจะจองตั๋วผ่านเว็บเลยก็ได้ครับที่
http://www.chinetrain.com/en/index.aspการตีตั๋วรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่สถานีก็ไม่ยากครับเพียงบอกสถานีปลายทางตามชื่อเมืองให้ถูกต้อง โดยมากเมืองรองๆก็จะมีเพียงสถานีเดียวครับ บอกชื่อเมืองก็เป็นที่เข้าใจได้ทันที การซื้อตั๋วจะต้องเตรียม passport ให้พร้อมด้วยนะครับ เข้าใจว่าเป็นมาตรการความปลอดภัย เพราะแม้แต่คนจีนเองก็ต้องแสดงบัตรประชาชน I.D. ให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงจะซื้อตั๋วได้ครับ
ภายในบริเวณ Departure รอขึ้นรถไฟ
เมื่อใกล้เวลาจึงจะเปิดประตูไปยังชานชลา ป้ายบอกหมายเลขขบวนรถไฟชัดเจน พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก่อนขึ้น โอกาสหลงยากครับ
ขบวนรถไฟที่ D5477 ไปยัง อีอู้ ชานชลาที่ 9 ตู้โบกี้ที่ 16 เลขที่นั่ง 61 ราคา 95 หยวน
ในตั๋วจะระบุรายละเอียดทุกอย่างครับเช่น หมายเลขของขบวนรถไฟ หมายเลขชานชลา หมายเลขตู้โบกี้ เลขที่นั่ง ประตูไปยังชานชลาจะเปิดเมื่อใกล้ถึงเวลาเท่านั้น เหมือนเวลาบอร์ดดิ้งเวลาขึ้นเครื่องบินยังไงยังงั้นเลยครับ
บริเวณชานชลาก่อนขึ้นรถไฟ
ตั๋วโดยสารสำหรับรถไฟความเร็วสูงจะขึ้นต้นด้วย G หรือ D นะครับ เราสามารถเลือกว่าจะนั่งชั้นสองหรือชั้นหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ต่างกันมากครับราว 50% เช่นชั้นสองราคา 100 หยวน ชั้นหนึ่งก็จะประมาณ 150 หยวนเป็นต้น ส่วนตัวผมว่าตั๋วที่นั่งชั้นสองก็นั่งสบายดีอยู่แล้วครับ ที่นั่งกว้าง เหยียดขาได้สบายมาก อย่างภาพที่เห็นด้านล่างครับ
บนรถไฟความเร็วสูงที่นั่งชั้นสอง นั่งสบายกว่าบนเครื่องบินชั้นประหยัด เหยียดขาได้สบายกว่ามากๆครับ
ถ้ากระเป๋าไม่หนักก็ยกวางไว้เหนือที่นั่งได้เลยครับ วางกระเป๋าใบใหญ่ๆขนาด 26″ ได้สบายๆ
หรือถ้ากระเป๋าหนักๆก็วางไว้ที่จุดวางกระเป๋าตรงบริเวณประตูก็ได้ครับ
ขบวนรถไฟความเร็วสูงที่จอดเรียงรายกันนับสิบขบวน ที่พร้อมออกเดินทางจาก Hongqiao Shanghai
ความเร็วรถที่พอสังเกตได้อยู่ที่ 200-250 กม./ชม. ครับ แต่เท่าที่ทราบสามารถทำความเร็วได้ถึง 350 กม./ชม.เลยทีเดียว
ตู้ที่นั่งผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ต่างกับชั้นสองมากนักครับ
มาตรฐานห้องน้ำและความสะอาดยิ่งกว่าบนเครื่องบินอีกครับ เพราะทุกอย่างเป็นระบบเซนเซอร์ ไม่ต้องใช้มือสัมผัส สบายใจได้ครับ
อ่างล้างมือด้านนอก ก๊อกน้ำ ลมเป่ามือ เป็นระบบเซนเซอร์ทั้งหมด
จากที่เคยมีประสบการณ์นั่งรถไฟของทั้งยุโรป Eurotrans หรือรถไฟความเร็วสูง ชินกันเซ็ง ของญี่ปุ่น มาแล้ว ผมว่า CRH ของเมืองจีนเขาไม่ด้อยไปกว่ากันเลยครับ เผลอๆอาจจะดีเสียกว่า และที่สำคัญค่าโดยสารถูกกว่าการเดินทางโดยรถบัสเสียด้วยซ้ำครับ
ในวันที่ผมนั่งรถไฟไป ซูโจว และ อีอู้ นั้น มีขบวนรถไฟวิ่งสวนขบวนรถที่ผมนั่งอยู่ไม่ต่ำกว่า 10-20 ขบวนครับ ถ้าระบบการจัดการไม่ดีจริงๆแล้วผมว่าผมคงไม่ได้เห็นรถไฟวิ่งไปมาได้มากขนาดนี้ จริงๆนะครับ ^^
