ชีวิตผมผูกพันกับเซี้ยงไฮ้พอสมควร เพราะต้องเดินทางไปๆมาๆอยู่นับครั้งไม่ถ้วน แน่นอนว่าการกลับมาแต่ละครั้งก็จะได้พบได้เห็นสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เซี้ยงไฮ้หรือเมืองใหญ่ๆในจีนแทบจะทุกเมืองมีการเติบโตและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนนักเดินทางอย่างเราๆต้องทึ่งเพราะคาดไม่ถึงว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้
ความเปลี่ยนแปลงอย่างแรกที่ผมเห็นคือจากสนามบินผู่ตงผมสามารถขึ้นรถไฟใต้ดินเข้าไปในตัวเมืองและต่อไปยังสถานีรถไฟหงเฉียว เพื่อนั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปยังเมืองใหญ่ๆในจีนได้หมด ไม่ว่าจะเป็น ปักกิ่ง นานจิง ชางโจว ฮางโจว ซูโจว เซิ่นเจิ้น กวางเจา อีอู้ ฯลฯ สามารถร่นระยะเวลาในการเดินทางได้มาก อย่างเช่น การเดินทางไปนานจิง ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องขึ้นเครื่องบินหรือนั่งรถยนต์เสียเวลา
ในการเดินทางกว่า 5-6 ชั่วโมง แต่ด้วยรถไฟความเร็วสูงแล้ว จากเซี้ยงไฮ้ ไป นานจิง เหลือเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง ที่สำคัญราคาตั๋วก็ไม่แพงเลย ประมาณ 100 หยวน หรือ ไม่ถึง 500 บาท เท่านั้นเองครับ
ผมถึงเซี้ยงไฮ้ประมาณ หกโมงเช้า จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินไปยังสถานีรถไฟหงเฉียว เพื่อต่อรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปยังซูโจว เพื่อทำงานแล้วก็ กลับมาเซี้ยงไฮ้อีกครั้งในวันถัดมา นับว่าสะดวกและรวดเร็วมากครับ กะว่าจะเล่าเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูง ในตอนหน้าอย่างละเอียดอีกครั้ง เผื่อใครที่ชอบเดินทางเองนะครับ ก็ไม่ยากซะทีเดียว แต่ก็ไม่ง่ายนักหากไม่รู้ภาษาจีนเลย
จุดเริ่มต้นบนถนนนานจิง 南京路
กลับมาเซี้ยงไฮ้ก็เย็นมากแล้ว ผมเลยออกไปหาอาหารทานง่ายๆแล้วก็เดินชมบรรยากาศบนถนนนานจิงไปเรื่อยๆ ต่อเลยไปถึงแม่น้ำหวงผู่หรือที่เรียกว่า หาดไว่ทัน (The Bund) ที่เป็นฉากในหนังภาพยนต์เจ้าพ่อเซี้ยงไฮ้ นั่นเอง ในบริเวณนี้จะมีอาคารเก่าแก่ทอดยาวตลอดแนวดังภาพที่เห็นด้านบนรูปแรกที่เป็นหอนาฬิกาคืออาคารกรมศุลกากร ทุกๆชั่วโมงก็จะได้ยินเสียงระฆังของนาฬิกาดัง หง่างเหง่ง เหมือนกับเดินอยู่ในยุโรปเลยทีเดียว ว่าแล้วผมก็กดชัตเตอร์เก็บภาพอาคารต่างๆมาให้ชมบรรยากาศกันครับ
ธนาคาร Shanghai Pudong Development ติดกับกรมศุลกากร
อาคารธุรกิจ โรงแรม ในบริเวณใกล้เคียง
บนถนนจงซานที่ไม่เคยหลับใหล
อาคารธนาคารกรุงเทพ ที่สวยสง่าไม่แพ้อาคารอื่นๆในบริเวณนี้
ธงไตรรงค์โบกสะบัดเคียงคู่ธงชาติจีนเหนืออาคารธนาคารกรุงเทพ
สุดทางหาดไว่ทัน The Bund
ฝั่งตรงข้ามหาดไว่ทัน จะมองเห็นหอไข่มุกที่เป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่ง ในการชมทัศนียภาพของเซี้ยงไฮ้จากมุมสูง
สุดท้ายคงไม่มีคำบรรยายใดเอ่ยถึงรัตติกาลแห่งเซี้ยงไฮ้ได้ดีเท่ากับเพลงทิ้งท้ายที่นำมาฝากในค่ำคืนนี้
夜上海夜上海
รัตติกาลแห่งเซี้ยงไฮ้
你是个不夜城
เธอคือผู้ไม่เคยหลับไหล
华灯起 乐声响
แสงสีของโคมไฟ เสียงจอแจของรถยนต์
歌舞升平
บทเพลงแห่งการเต้นรำได้ถูกบรรเลง
只见她笑脸迎
ได้พบเห็นรอยยิ้มเธอแล้ว
谁知她内心苦闷
ใครเล่าจะล่วงรู้ถึงความเศร้าภายใน
夜生活都为了
ช่วงเวลาแห่งรัตติกาลของเธอ
衣食住行
เพียงเพื่อพอประทังชีวิต
酒不醉人人自醉
เหล้ามิได้ทำให้เธอเมา แต่เป็นเพราะเธอเอง
胡天胡地蹉跎了青春
ที่ปล่อยเวลาแห่งวัยเยาว์ให้สูญเปล่า
晓色朦胧转眼醒大家归去
ผ่านเลยเช้าอันมืดสลัวเมื่อเธอทั้งหลายตื่นจากภวังค์
心灵儿随着转动的车轮
หัวใจเธอก็หมุนกลับราวกับล้อรถ
换一换新天地别有一个新环境
เพื่อแลกกับชีวิตใหม่ แล้วเริ่มต้นอีกครั้ง
回味着夜生活如梦初醒
หวนนึกถึงอดีตเหมือนตื่นขึ้นจากความฝัน