Poverty Effect of Tenor Alliance

Posted by

ที่อาคารหมายเลข ๖ ริมฝั่งแม่น้ำโขง แวดล้อมด้วยสวนป่าอันเงียบสงบ ห่างไกลจากผู้คน

ผมเลือกที่จะมาพำนัก ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ตามที่ได้ตั้งใจไว้ และแน่นอนว่าผมเลือกที่จะอยู่คนเดียว เนื่องด้วยไม่ชอบความวุ่นวายในระหว่างการถือศีลบำเพ็ญภาวนา .. อาคารสองชั้น ๖ ห้องนอน ๘ ห้องน้ำ มีผมอยู่คนเดียว กระนั้นก็อุ่นใจไม่น้อยที่ในห้องพักขนาด ๔ คูณ ๔ เมตรยัง มีรูปเล็กๆของหลวงปู่เหรียญติดอยู่ที่ฝาผนัง คืนแรกอันเหนื่อยล้าจากการเดินทางและการปฏิบัติ ผมนอนหลับสบายจนไม่อยากลุกขึ้นมาสวดมนต์ทำวัตรเช้า

ฝนตกพรำทั้งวันตัังแต่เช้ายันค่ำ จนกระทั้งสวดมนต์ทำวัตรเย็นราว ๓ ทุ่มก็แล้ว .. ไม่มีวี่แววว่าฝนจะหยุดตก

ผมกลับมาที่ห้องพักผ่านทางเดินอันสงัดคนเดียว ไฟฉายกระบอกเล็กๆช่วยได้มาก ถ้าไม่มีมันผมคงจะมืดบอด เข้าห้องพักแล้วก็จัดแจงปูที่นอนบนไม้กระดาน ปิดไฟ และ เอนตัวลงทำสมาธินอนอย่างรวดเร็ว หากแต่ประกายแสงจากท้องฟ้าก็แลบเข้ามาในห้องพักเป็นช่วงๆ

ไม่นานนักที่เสียง แหลม หวีดหวิว แสดงถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจะดังขึ้นที่ข้างหน้าต่าง .. เสียงดังมากกว่าเสียงนาฬิกาปลุกที่ผมเตรียมไป เสียงหมาหอนหรือเปล่า ไม่น่าจะใช่ โทนเสียง ต่างกันมาก .. เสียงนกแสกหรือ? ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นเพราะ โทนเสียงขึ้นลงฟังแล้วไม่สม่ำเสมอ ไม่ใช่เสียงนกแน่ๆ แล้วมันเสียงอะไรละ ฟ้าแลบเป็นระยะๆ ผมเปิดเปลือกตามองออกไปนอกหน้าต่างก็พบแต่ความว่างเปล่า

สติ พลัน ออกคำสั่งให้ผม ภาวนาในใจ ทันที สัพเพ สัตตา ….. สัพเพ สัตตา ….. สัพเพ สัตตา ….. นานราว ๕ นาที ก่อนที่เสียงดังอันโหยหวนนั้น จะเงียบไป ได้ยินอีกครั้ง เสียงนั้นก็อยู่ไปไกลมากแล้ว

แล้วคืนนั้นผมก็นอนไม่หลับเลยทั้งคืน

..เหตุเพราะเสียงนั้น ที่ผมอยากจะเรียกว่า Poverty Effect of Tenor Alliance

Leave a Reply